12/29/2552

ได้เวลาสารภาพบาปแล้ว.. สวัสดีปีใหม่ ...[เม้นตรงนี้น้า T^T อันใหม่ๆๆ]



ใกล้จะถึงเทศกาลแห่งความสุขแล้ว 12 เดือนผ่านไป 365 วันผ่านพ้น หรือกว่า 8,760 ชั่วโมงหมดสิ้น คุณสุขแบบสุดๆหรือยังค่ะ ถ้าใครตอบไม่ได้ล่ะก็ ได้เวลามาสารภาพบาปทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดปีกันแล้ว ใครเคยผิดก็แก้ซะ ใครเคยพลาดก็ลบใหม่ อาจงงว่ามันลืมง่ายอย่างนั้นเลยหรือกับอดีตที่ผิดพลาด ขอบอกว่าง่ายค่ะ เพราะทุกอย่างอยู่ที่ “ความคิด” คำเดียวแก้ได้ทุกอย่างคล้ายๆกับ 30 บาทรักษาทุกโรคยังไงยังงั้น ไม่เชื่อลองดูค่ะ

1. คิดบวกกับทุกเรื่อง ใครๆก็บอก ใครๆก็เตือนว่าคิดบวกสิเธอแล้วจะดีเอง ว่าแต่มันทำยังไงล่ะ การคิดบวก คือการคิดไปในทางที่ดีและคิดถึงด้านดีๆให้มากกว่าด้านลบ แม้ว่ามันจะมองแทบไม่เห็นแต่ทุกอย่างมันมี 2 ด้านเสมอและมันคือสัจธรรมค่ะ ตัวอย่างเช่น เราอกหัก มองไปทางไหนก็เจอแต่ความเศร้าเคล้าน้ำตา ไม่อยากเอาเวลาไปทำอะไรทั้งนั้น บางคนถึงกลับด่าทอว่า “ไม่มาเป็นฉันไม่รู้หรอก” รู้ค่ะรู้ เพียงแต่คุณต้องมีสติก็เท่านั้น สติมาปัญญาเกิดซึ่งจะทำให้คุณสามารถมองเห็นทุกอย่างแบบทะลุปรุโปร่ง อย่างเรื่องอกหักใครว่ามีแต่ด้านลบ เพราะจริงๆแล้วมันช่วยให้คุณเป็นคนมีความรู้สึกต่างหาก อีกทั้งยังช่วยเป็นบทเรียนสอนให้คุณรักตัวเองมากขึ้นและคิดได้ว่า “ไม่มีใครรักเราเท่าตัวเอง” เห็นมั้ยว่าการคิดบวกช่วยคุณได้

2. คิดให้เยอะ คิดมากกับคิดเยอะนั้นไม่เหมือนกัน คิดมากคือความครุ่นคิดแบบฟุ้งซ่าน คิดวนไปวนมาอยู่อย่าง นั้น แต่การคิดเยอะคือ การคิดพิจารณาไตร่ตรองเรื่องต่างๆอย่างถี่ถ้วน ซึ่งการคิดให้เยอะจะช่วยให้เราหาเหตุและผลเจอ อีกทั้งยังช่วยให้เราเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นได้ บางคนชอบคิดวนไปมาเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองทำพลาด เช่น ทำงานไม่รอบคอบจนเจ้านายเรียกไปด่าชุดใหญ่ จนผ่านไปไม่รู้กี่วันคุณก็ยังคิดๆๆมันอยู่อย่างนั้น “ฉันไม่น่าทำแบบนั้นเลย” “น่าจะจัดการให้เร็วกว่านี้” บลาๆๆ แถมยังพาลคิดไปว่าเจ้านายต้องเกลียดและไม่ไว้ใจคุณอีกต่อไปแน่ๆ โอ๊ย!!แบบนี้แหละค่ะที่เรียกว่าคิดมาก แต่ถ้าคุณคิดได้ว่าสาเหตุมันอยู่ตรงไหน ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้อย่างไร การคิดถี่ถ้วนแบบนี้นี่แหละที่เขาเรียกว่า การคิดให้เยอะ ซึ่งขอบอกว่าสร้างสรรค์กว่าแยะเลยล่ะ

3. คิดเป็นกลาง มี หลายคนนักที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเองแบบไม่รู้ตัว ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความผิดพลาดในชีวิตหลายด้าน ทั้งนี้ก็เพราะมัวแต่หลงคิดไปว่า “ฉันไม่ผิด มันนั่นแหละผิด” รำไม่ดีโทษปี่โทษกลองอยู่ร่ำไป ซึ่งหากลองมาคิดดูแล้ว ถ้าคุณมีสติและวางใจเอาไว้ตรงกลางหัวสมองสักนิด เรื่องบางเรื่องที่เลวร้ายอาจกลายเป็นเรื่องดีไปเลยก็ได้เพียงแค่เอ่ยปากขอ โทษหรือยอมรับผิด เราเข้าใจค่ะว่าเป็นธรรมดาของคนที่จะต้องคิดปกป้องตัวเองไว้ก่อน แต่ถ้าคุณลองยกตัวเองออกมาซะ จากนั้นใช้สายตาและสมองเสมือนเป็นของคนอื่นแล้วคิดๆไตร่ตรองดูแทนการเอาตัว เองไปใส่ในเรื่องนั้นๆ ในที่สุดแล้วการที่จะต้องผิดบ้างอาจทำให้คุณมีความสุขมากกว่าการถูกเสมอซะ อีกนะ เชื่อเรา!!

4. คิดก่อนทำ เรา บอกได้เลยว่าถ้าทุกคนคิดก่อนทำกับทุกๆเรื่อง ปัญหาที่จะเกิดขึ้นนั้นแทบเป็นศูนย์ เพราะเมื่อเราคิดแล้ว ไตร่ตรองแล้วจึงทำ นั่นแสดงว่าเรามีสติเพียงพอ ซึ่งการคิดก่อนทำนั้นไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ก่อนจะทำหรือพูดอะไรออกมา ให้เวลากับสมองสักนิด อย่างน้อยก็ 1 นาทีในการให้รอยหยักในสมองได้ประมวลผลและให้เวลาจิตใต้สำนึกได้คิดตามด้วย ว่าควรหรือไม่ควร ดีหรือไม่ดี เสียเวลานิดหน่อยแค่นี้ยังดีกว่าเสียเวลาทั้งชีวิตเพื่อตามไปแก้ไขกับสิ่ง ที่ทำลงไปโดยปราศจากการคิดนะคะ คุณว่ามั้ย?

5. คิดดี พูดดี ทำดี ข้อ นี้สำคัญที่สุด เพราะถ้าคิดดีแล้วแต่ไม่ลงมือทำก็ไร้ประโยชน์ค่ะ ฉะนั้นปีที่ผ่านมาใครยังไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ตั้งใจไว้ ปีหน้ารีบเร่งฝีกีบลงมือทำซะให้เรียบเลยค่ะ เพื่อปีถัดไปคุณจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจและมาสารภาพบาป คร่ำครวญอย่างปีนี้ไงล่ะคะ

คิดดี เป็นศรีแก่ตัว แต่ถ้าคิดชั่วแม้แต่ตัวยังไม่อยากอยู่ด้วยเล้ย! (555+)


"ปีใหม่นี้...มีโครงการอะไรดีๆ ให้ตัวเองรึยัง

ตามหัวข้อน้า มาสารภาพบาปกัน

ว่าทำอะไรที่ไม่ดีในปีเก่าไว้รึเปล่า

(เอาแบบคร่าวๆ ไม่เจาะจงละกันเนอะ จะได้สบายใจขึ้น)

>.<"

ไม่แน่น้า การสารภาพบาปครั้งนี้ คุณอาจจะได้รับเรื่องไม่คาดฝันก็ได้

แบ่งปันๆๆๆ ...


ที่มา :: http://webboard.yenta4.com/topic/364126 [ขอบคุณมากๆ กั๊บ]

12/07/2552

ที่เที่ยวสวยๆ ในออสเตรเลีย [>.<;; แก้ไขๆ]

ต้องขออภัยจริงๆ นะเจ้าคะ ที่แก้ไขข้อมูลเดิมๆ ไป

แต่เท่าที่ดูแล้ว "ตำนานแห่ง...สื่อการบอกเวลา" เนี่ย มันดูน่าเบื่อเกินไป

แล้วอีกอย่างเพิ่งจะไปอ่านนิยายเรื่อง... "Aus-Boy" มา >.<

ชักอยากจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนมิชาจัง วู้วๆๆๆๆ


พอๆๆๆๆ หยุดเรื่องที่เพ้อฝันไว้ก่อน

....

ด้วยความที่อยากจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนประเทศนี้มาก ๆๆๆๆๆๆ

ประเทศไหนอ่ะ? [ก็ออสเตรเลียไงฟะ!]

เลยไปหาที่เที่ยวสวยๆ ที่นี่มาซะเลย อิอิ

เอาล่ะ [อุ้ย! ต้องสุดแต่ใจจะไขว่คว้าสิ!!] เราไปดูกันเลยว่าจะสวยรึเปล่า

อ้าว! ทำไมไม่เลื่อนลงไปดูกันเล่า อะๆๆๆ ล้อเล่นน่า

^^;;; เลื่อนลงไปดูกันเลยนะกั๊บ



V

V

V

V

V



Sydney Opera House

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยเห็นสถาปัตยกรรมรูปทรงคล้ายหอยเชลล์มาบ้างแล้วจากทีวี ภาพยนตร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลียก็ว่าได้ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยว แวะเวียนมาแชะรูปถ่ายกันตลอดเวลา ไม่ขาดสายเลยค่ะและภายใน Sydney Opera House ก็จะประกอบไปด้วยส่วนของศาลาคอนเสิร์ต โรงละคร ภัตตาคาร และศูนย์วัฒนธรรม แห่งชาติของประเทศออสเตรเลียและยังเป็นจุดชมวิวชมวิวที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน และถ้าใครมาซิดนีย์แต่ไม่มาที่ Opera House ก็เท่ากับว่ามาไม่ถึง เพราะที่นี่เป็นหัวใจหลักเลยก็ว่าได้




Sydney Harbour Bridge

เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของ Sydney ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ที่นี่เขามีบริการ Climbing Bridge ซึ่งก็คือการไต่สะพาน Harbour นี้เอง ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวจะมาท้าทายความตื่นเต้น เพราะสะพานแห่งนี้สูงถึง 134 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล (ถ้าใครอยากทดสอบความกล้าก็มาทดสอบได้ว่าคุณกล้าแค่ไหน) เพราะที่นี่จะอยู่ใกล้กับ Sydney Opera House ใกล้แค่เอื้อม



Royal Botanic Gardens

ที่นี่จะได้ชื่อว่า หอพรรณไม้ เพราะที่นี่จะมี ต้นไม้ ดอกไม้ ให้เราดูมากมายหลายชนิด โดยที่นี่จะมีจุดชมวิวที่สำคัญ คือ บริเวณ Mrs. Macquarie’s Chair โดยที่นี่นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศจะชอบมาถ่ายรูปกันมาก เพราะเป็นสวนที่สุดระดับต้น ๆ ของโลก โดยที่นี่จะอยู่ติดกับโอเปร่าเฮาส์ ถ้าใครเป็นคนชื่นชอบพรรณไม้ต้องมาดูให้ได้นะครับ



พิธิภัณฑ์สัตว์น้ำ Sydney Aquarium
เป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ถ้าเราเข้าไปแล้วเราเสมือนเข้าอยู่บนโลกใต้ท้องทะเล เพราะข้างในนี้จะมีปลามากมายหลายชนิดที่สวยงาม และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้เราเห็น โดยที่นี่จะมีจุดที่น่าสนใจ คือ แนวปะการังคอมเพล็กซ์ที่จำลองมาจากเกรทแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) จะเป็นการจำลองโลกใต้ท้องทะเลและเราจะเห็นแนวปะการังและเราสามารถลองสัมผัสปลาดาว และปลาตัวเล็กตัวน้อยได้ โดยที่นี่ (Sydney Aquarium) จะตั้งอยู่ตรงข้ามกับฮาร์เบอร์ไซด์เฟสติวัลมาร์เก็ตเพลส ถ้าใครสนใจโลกใต้ท้องทะเลมาชมกันได้ทุกเมื่อเพราะที่นี่จะเปิดให้ชมทุกวัน เวลา 09.30 – 21.30 น.





Bondi Beach

เป็นหาดที่นิยมมากที่สุดในซิดนีย์ ซึ่งหาดแห่งนี้เป็นหาดที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก โดยสามารถนั่งรถไฟ แล้วต่อรถเมล์ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที เป็นหาดที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น เพราะที่นี่จะมีคนเล่น Surf Board เป็นจำนวนมาก และยังเป็นที่ที่เหมาะแห่งการอาบแดด และพักผ่อนหย่อนใจ ด้านหน้า Beach ก็มีร้านอาหารมากมายหลากหลายชนิดที่มีเลือกชิม เวลาหิว และที่นี่ยังมีอาหารไทย ถ้าหากคุณคิดถึงรสชาติแบบไทย ๆ ที่นี่ก็มีให้ทาน




สวนสัตว์ KOALA PARK SANCTUARY

เราจะนำท่านเดินทางสู่สวนสัตว์พื้นเมือง KOALA PARK SANCTUARY เพลิดเพลินไปกับการชมชีวิตธรรมชาติและความน่ารักของเหล่าสัตว์พื้นเมืองนานาชนิด อาทิ หมีโคอาล่า จิงโจ้ วอมแบท ฯลฯ โดยที่นี่สัตว์ที่เด่นที่สุดคงจะเป็นเจ้าหมีโคอาล่าดูจากรูปข้างล่างมันคงเหนื่อยจากการโชว์ตัวเลยขอหลับหน่อย ขนาดมันหลับยังน่ารักขนาดนี้นะเนี้ย ถ้าทุกท่านเข้ามาที่นี่โปรดมาชมความน่ารักของมันด้วยนะ และที่นี่ยังมีการโชว์พิเศษ คือ การตัดขนแกะ ซึ่งการโชว์นี้จะเป็นที่นิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างพวกเรา




Blue Mountains


เป็นดินแดนที่สร้างสรรค์จากผลงานตามธรรมชาติ โดยที่นี่จะมีเทือกเขามากมายที่ให้เราชม เทือกเขาที่เด่นสุดของที่นี่คือ เทือกเขา ทรี ซีสเตอร์ ร็อกส์(Three Sister Rocks) หรือเรียกกันว่า เขาสามอนงค์ โดยเทือกเขานี้จะมีภูเขาทั้ง 3 ลูกเรียงกัน และที่นี่ยังมีตำนานความรักอันแสนเศร้าของยักษ์สาวอะบอริจิ้น ผู้ที่เคยครอบครองดินแดนแห่ง นี้ เป็นรักต้องห้ามของหนุ่มสาวต่างเผ่ากัน โดยทั้ง 2 ครอบครัวต่างเป็นศัตรูกัน จึงให้หมอผีสาปให้หญิงสาวกลายเป็นก้อนหิน ส่วนฝ่ายชายหนุ่มเมื่อรู้เรื่องก็เศร้าโศกร้องไห้จนกลายเป็นสายน้ำตกคาทูมบาที่เห็นกันทุกวันนี้ และที่นี่เหมาะแห่งการชมพระอาทิตย์ตกดิน เพราะจะสวยเป็นพิเศษเหมาะแห่งการถ่ายรูป (อย่าลืมเอากล้องไปด้วยนะเดี๋ยวหาว่าไม่บอก)




Featherdale Wildlife Park

ที่นี่เป็นสวนสัตว์อีกที่หนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวทั้งหลายให้ความสนใจไม่แพ้ สวนสัตว์ KOALA PARK เพราะที่นี่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติมากกว่าสวนสัตว์ KOALA PARK และที่นี่เราสามารถดูการดำรงชีวิตของสัตว์ป่าได้ และที่นี่ยังมีของที่ระลึกที่สวยงามมันอาจเป็นสิ่งที่ล้ำค่าในอนาคตได้ (คำเตือน เวลาไปเที่ยวอย่าเอาถุงพลาสติกทิ้งลงพื้นนะเดี๋ยวสัตว์มันจะเข้าใจผิดและกินขึ้นมาและมันจะเป็นอันตรายกับมันด้วย)




Museum of Contemporary Art (พิธิภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย)

ที่นี่มีศิลปะร่วมสมัยหลาย ๆ รุ่นที่น่าสนใจแสดงอยู่จำนวนมาก โดยจะมีผลงานระดับโลกหลายชนิดโดยถ้าคุณคนหนึ่งเป็นคนชอบศิลปะต้องมาชมให้ได้ และที่นี่ยังมีร้านกาแฟที่แสนอร่อยอยู่บนเทอเรซ และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม ถ้าคุณมีเวลาคุณสามารถจิบกาแฟไปพรางชมวิวไปพรางได้ โดยที่นี่จะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับ Visitors Information ในย่าน The rocks







ห้างเดวิดโจนส์ Queen Victoria Building

ก่อนที่คุณจะกลับเรารู้ว่าคุณคงอยากได้ของที่ระลึกเราแนะนำมาที่ตึก Queen Victoria Building เป็นที่ช็อปปิ้งที่ได้รับความนิยมมากในซิดนีย์โดยที่นี่จะมีของให้คุณเลือกซื้อมากมายเช่น ผลิตภัณฑ์จากเดวิดโจนส์ ครีมบำรุงผิวทำจากไขมันแกะ เสื้อผ้ายี่ห้อดังนำสมัยและของที่ระลึกต่าง ๆ หรือจะเป็น Paddy’s Market ที่นี่จะขายของราคาถูก และยังมีของ Hand made เป็นตลาดนัดวันเสาร์บนถนน Oxford Street ซึ่งตลาดแห่งนี้จะคล้ายกับจตุจักรบ้านเรา





HUNTER VALLEY

ใครที่ชืนชอบทานไวน์ควรมาที่ ฮันเตอร์ วัลเลย์ (HUNTER VALLEY) เพราะที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์องุ่น เกรด A ของโลก โดยแหล่งที่นเพาะพันธุ์องุ่นที่มีชื่อเสียงของที่นี่ คือ Pokolbin และ Cessnock โดยถ้าคุณจะมาคุณควรมาในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม เพราะเป็นฤดูเก็บองุ่นโดยที่นี่จะห่างจากซิดนีย์มาทางเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถซื้อกับไปกินที่บ้านได้เพราะไวน์ที่นี่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก






เกาะฟิลลิป

ที่เกาะแห่งนี้เราจะพาท่านเข้าชม ขบวนพาเหรดของนกเพนกวิน ที่ขึ้นจากทะเลเพื่อที่มันจะกลับเข้าสู่รังของมันในยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า โดยที่นี่ถือเป็นบ้านเกิดของเพนกวินทีเดียว ถ้าใครเวลามีเวลาอย่าลืมมาที่นี่มาถ่ายรูกับมันนะครับ









Sydney Olympic Park

เป็นสนามที่ซิดนีย์ได้เป็นเจ้าภาพในปี ค.ศ. 2000 โดยสนามแห่งนี้จะอยู่ห่างจากตัวเมืองซิดนีย์ออกไปราวครึ่งชั่วโมง และสนามแห่งนี้จะมีเนื้อที่ 425 เฮกเตอร์ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ถึงจะหมดเทศกาลโอลิมปิกไปแต่ที่นี่ก็ได้รับความนิยมมากเพราะที่นี่ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่มีการแข่งขันโอลิมปิก ถ้าใครมาที่นี่ไม่ต้องกลัวหลงเพราะที่นี่จะมีไกด์ทัวร์


Fox Studios

ฟ็อกสตูดิโอส์เป็นโรงถ่ายภายยนต์ได้เปิดให้คนที่สนใจเบื้องหลังให้เข้าชมการถ่ายทำภาพยนต์ ภาพยนต์บางเรื่องก็ได้ให้ผู้ที่เข้าชมมีส่วนรวมเสมือนอยู่ในฉากนั้น ๆ อีกด้วย เช่นเรื่องซิมป์สัน

วะ วะ ว้าว >_< ที่เที่ยวสวยๆ เยอะจริงๆ เลยเนอะ
เห็นแล้วก็อยากจะไปมั่ง *O* แล้วเพื่อนล่ะอยากไปกันมั่งป่าว?
แต่จะว่าไป...ประเทศไทยก็มีที่เที่ยวสวยๆ เยอะน้า
ยิ่งช่วงนี้มีรนรงค์ "เที่ยวไทยครึกครืน เศรษฐดิจไทยคึกคัก"
เอาเป็นว่า...ที่นี่เป็นประเทศที่น่าไปที่หนึ่งละกันเนอะ
....
อยากจะบอกว่าเท่าที่ทำบทความหมาย ...บทความนี้ทำยากมากก ก กก
แต่คุ้มค่าม๊าก มาก บทความหมายออกมาดูสวยดี ^^
เอิ่ม...ดูที่เที่ยวกันไปหลากหลายแล้วนะจ๊ะ น่าไปมากๆ เลยใช่มั๊ยล่ะ?
...
เราก็อยากจะถามเพื่อนๆ ทุกๆ คน ว่า...
เพื่อนๆคิดว่าที่ออสเตรเลียเนี่ย
การเรียนจะเป็นยังไงกันบ้างน้า
แล้วมีความน่าสนใจมากแค่ไหนกัน?
(เด็กเรียนจริงจริ๊ง >.,<)
แล้วเพื่อนๆอยากจะลองไปเรียนกันบ้างป่าว?
[แบบนักเรียนแลกเปลี่ยนอะไรแบบนี้อ่ะ]
อะๆๆๆ แบ่งปันกันนะ...
...
(ปล. สู้ๆนะจ๊าทุกคน ที่ต้องเริ่มเม้นกันใหม่หมดเลย ยังไงก็เป็นกำลังใจให้น้า)